สำหรับผู้ที่มี  เฮโมโกลบิน  น้อยก็จะส่งผลกระทบต่อระบบร่างกาย  โดยจะทำให้ร่างกาย  ไม่มีเรี่ยวแรง  สมองทำงานช้า  อ่อนเพลีย  ปวดหัว  เวียนศีรษะ  หายใจไม่เป็นจังหวะ  การเต้นของหัวใจเร็วกกว่าปกติ  หากมีเฮโมโกลบินที่ต่ำหรือมีน้อยมากจะอยู่ในภาวะเลือดจางซึ่งจะมีความรุนแรงมากขึ้น  ในร่างกายของเราจะมีระดับเฮโมโกลบินที่ต่างกันอย่างเช่น  ระหว่างผู้ชายและผู้หญิง  คนที่อาศัยอยู่ที่สูงจะมีระดับไม่เท่ากับคนที่อาศัยที่พื้นที่ต่ำ  หญิงที่อยู่ในระยะตั้งครรภ์จะมีระดับเฮโมโกลบินที่ต่ำ นอกจากนั้นหากร่างกายขาดธาตุเหล็ก  กรดโฟลิก  วิตามินซี  วิตามินบี 12  หรืออาจจะเกิดจากโรคต่างๆ เช่น  โรคไต  โรคเบาหวาน  โรคกระเพาะอาหาร  และอื่นที่ส่งผลกระทบต่อการดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นในระดับเฮโมโกลบินในร่างกาย
หากเฮโมโกลบินน้อยหรือว่าต่ำ  สามารถที่จะเพิ่มกะดับให้สูขึ้นโดยวิธีการทางธรรมชาติ  ซึ่งได้แก่การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เข้าไป  หรือวิธีการต่างๆ

1.กินอาหารที่มีธาตุเหล็ก  ธาตุเหล็กมีความสำคัญในเฮโมโกลบิน  และเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยเนื่องจากได้รับธาตุเหล็กน้อย อาการที่มีธาตุเหล็กสูงเช่น  ตับสัตว์  กุ้ง  นมถั่วเหลือง  อัลมอนด์  หอยนางรม  หน่อไม้ฝรั่ง  ผักขม  ธัญพืชต่างๆ
2.เพิ่มวิตามินซี  บางทีธาตุเหล็กไม่สามารถที่จะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้จึงต้องอาศัยวิตามินซีในการช่วยดูดซึมเข้าไปด้วย  โดยสารอาหารต่างๆมีวิตามินซีในบ้านเรานั้นมีมากมาย  โดยเฉพาะผักและผลไม้ที่รสเปรี้ยวจะมีวิตามินซีมาก  เช่นมะม่วง  ส้ม  มะนาว  ส้มโอ  มะเขือเทศ  สตรอเบอร์รี่  มะละกอ  เป็นต้น
3.เพิ่มกรดโฟลิก  กรดพลิกเป็นสารอาหารที่จำเป็นอีกชนิดหนึ่งในเฮโมโกลบิน  หากขาดไปแล้วก็จะทำให้ระดับเฮโมโกลบินต่ำเช่นกัน  แหล่งอาหารของกรดโฟลิกได้แก่  ผักชิดต่างๆ  ข้าว  ถั่วงอก  กล้วย  ตับ  จมูกข้าว
4.แอปเปิ้ล  ผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่สามารถเพิ่มระดับเฮโมโกลบินในร่างกายได้  เพราะอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก  และสารอาหารชนิดอื่นที่ส่งผลทำให้เม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น
5.ทับทิม  ทับทิมมีธาตุเหล็ก  คาร์โบไฮเดรต  เส้นใย  และสารอาหารชนิดอื่นที่ทำให้เฮโมโกลบินในเลือดอยู่ในระดับปกติได้  นอกจากนั้นยังทำให้ระดับการหมุนเวียนในเลือดได้ดี  โดยการดื่มน้ำทับทิมในทุกเช้า
6.ตำแย  เป็นพืชสมุนไพรที่ทางบ้านเราใช้เป็นยามานานแล้ว  ตำแยมีธาตุเหล็ก  วิตามินซี  วิตามินบี  ที่ช่วยให้เม็ดเลือดแดงมีจำนวนเพิ่มขึ้น