นายลัภย์  หนูประดิษฐ์  เป็นบุตรคนแรกในจำนวน 6 คน ของนายเล็ก กับ นางเอียด หนูประดิษฐ์ เกิดที่บ้านเลขที่ 37 หมู่ 1 ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อ ปี พ.ศ. 2479 ปัจจุบันอายุ 57 ปี ในปี 2504 ได้สมรสกับ นางสาวเจื้อน ศรีวิรัตน์ มีบุตรด้วยกัน 4 คน เป็นชาย 3 และหญิง 1 คน ชีวิตในวัยเด็กของนายลัภย์ลำบากมากเพราะเกิดในครอบครัวเกษตรกร ยากจน ต้องช่วยพ่อแม่ทำนา และฝึกกรีดยางตั้งแต่อายุ 8 ปี จนกระทั่งโตจึงเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง จึงซื้อสวนยางที่ ตำบลบ้านพรุเป็นของตนเองจำนวน 30 ไร่ หลังจากแต่งงานแล้วได้ย้ายเข้ามาอยู่ ในหมู่บ้านคลองหวะ ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ แล้วยึดอาชีพทำสวนยางพาราที่ตนเองชอบและ ถนัด จนพัฒนาตนเองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการขยายพันธุ์ยางดี และปรับปรุงคุณภาพยางแผ่น ณ บ้านคลองหวะ นี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานเพื่อส่วนรวมของเขา สิ่งแรกที่คุณลัภย์ และคณะกรรมการได้ร่วมกันพัฒนาก็คือ ถนนหนทางและสิ่งแวดล้อมในหมู่ บ้าน ซึ่งยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสะอาดของบ่อน้ำ และส้วมที่ถูกสุขลักษณะมี น้อยมาก จนกระทั่งถึงปัจจุบันมีครบทั้ง 215 ครัวเรือน โดยการจัดตั้งกองทุนหมุนเวียนเพื่อช่วยเหลือ ซึ่งกันและกันได้เป็นผลสำเร็จ ในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต เริ่มจากการรวบรวมกลุ่มประชาชนพัฒนาอาชีพ ให้มีรายได้ เพิ่มขึ้นจากอาชีพหลักดั้งเดิมที่ประชาชนส่วนใหญ่ทำกันอยู่ คือ "ปรับปรุงคุณภาพยางแผ่น" ตั้งแต่ปี 2506 โดยร่วมกันผลิตให้ได้มาตรฐาน และขายร่วมกันด้วยวิธีการสืบราคาเพื่อป้องกันการเอาเปรียบ ของพ่อค้าคนกลาง ในการขายจะรวมกันทุกวันที่ 10 , 20 , 30 ของทุกเดือนที่มีการกรีดยาง ด้วย วิธีการง่าย ๆ คือ นำยางมารวมกันและให้ผู้แทนของกลุ่มนำส่งตลาดในราคาที่ยุติธรรมในด้านการเกษตร ได้ส่งเสริมให้ทุกครัวเรือนทำการเกษตรที่ถูกหลักวิธีจัดให้มีการฝึกอบรม เกี่ยวกับยางพันธุ์ดี ไก่พันธุ์เนื้อ การเลี้ยงปลา เพาะเห็ดฟาง เลี้ยงผึ้ง ปลูกผักสวนครัว และไม้ดอก ไม้ประดับ จนทำให้หมู่บ้านได้รับรางวัลเป็นหมู่บ้านเกษตรกรดีเด่น ได้รับเงิน 500,000 บาท นำ ไปพัฒนาหมู่บ้านโดยสร้างสะพานข้ามคลอง นอกจากนี้ได้มีการส่งเสริมการรู้หนังสือสำหรับผู้ไม่รู้หนังสือ ได้มีการประสานงานกับวิทยา ลัยครูสงขลาจัดนักศึกษามาสอนในรูปการศึกษาผู้ใหญ่แบบเบ็ดเสร็จ คุณลัภย์ ได้ให้ข้อคิดในการพัฒนาว่า ผู้ที่เป็นแกนนำพัฒนานั้นสำคัญมาก จะต้องพูดเป็น ทำเป็นเข้าใจงาน พูดสิ่งที่ทำได้ และยึดหลัก 3 ประการ คือ ขยัน ประหยัด และ พัฒนา ต้องทำ ให้ได้ตลอดชีวิตอย่างสม่ำเสมอ จะชวนให้เพื่อนบ้านทำอะไรตนเองต้องทำได้ก่อน ต้องตรงต่อเวลา ต้องรักในงาน และต้องรับผิดชอบ การพัฒนาคน ในปี 2511 ได้เริ่มกิจกรรมโดยรวมกันตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต บ้าน คลองหวะขึ้นในปี 2520 มีสมาชิกเริ่มต้น 47 คน โดยให้สมาชิกมารวมกลุ่มกันโดยระบบสัจจะ โดย สมาชิกให้สัจจะสะสมเงินเริ่มแรกเพียง 2,500 บาท เป็นกลุ่มออมทรัพย์รุ่นแรกของชาวบ้าน มีผู้ใหญ่ บ้านเป็นประธานคณะกรรมการ พัฒนาหมู่บ้านเป็นกรรมการ เป้าหมายเพื่อลดสภาพการเป็นหนี้ของ ชาวบ้าน ปัจจุบันมีสมาชิกประมาณ 1,400 คน มีเงินทุนดำเนินการประมาณ 32 ล้านบาท และได้ รับเลือกให้เป็นประธานชุมนุมสหกรณ์จังหวัดสงขลา และได้รับรางวัลนักสหกรณ์ดีเด่นของภาคใต้ ในปี 2536

นอกจากนั้น นายลัภย์ ยังมีผลงานในด้านพัฒนาการศึกษาชาวบ้าน จนได้รับเลือกให้เป็น กรรมการการศึกษาโรงเรียนบ้านคลองหวะ และได้เป็นวิทยากรไปบรรยายทางวิชาในที่ต่าง ๆ โดย
เฉพาะด้านการพัฒนาชุมชน หมู่บ้านคลองหวะประสบความสำเร็จในการพัฒนาด้าน ต่าง ๆ มาเป็นลำดับ ทั้งในด้าน การศึกษาสาธารณสุข เกษตรกรรม และกลุ่มองค์กรต่าง ๆ ในหมู่บ้านมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำ ใน การพัฒนาหลายคน แต่นายลัภย์ หนูประดิษฐ์ ยังคงเป็นที่ยอมรับให้เป็นผู้นำของชุมชนติดต่อกันตลอดมา จนถึงปัจจุบัน และประจักษ์พยานที่สำคัญอันหนึ่งว่าเขาเป็นผู้นำท้องถิ่นที่มีผลงานดีเด่น คือ เขาได้รับ การคัดเลือกให้เป็น "คนดีศรีสังคม" ในปี 2535

การเกษตรผสมผสาน

นายพัฒธิโย  บุญเลิศ  ผู้ริเริ่มการเกษตรแบบผสมผสาน  (สท.น้อง)

ที่อยู่  49 ถนนราษฎร์บำรุง หมูที่ 5 (บ้านคลองหวะ) ตำบลคอหงส์  อำเภอหาดใหญ่  จังหวัดสงขลา
ประวัติการศึกษา  ปวส.เกษตรกรรมสงขลา
                          
ประวัติการทำงาน     เจ้าหน้าที่สวนเทศบาลเมืองสตูล
                              พนักงานกองการศึกษาเทศบาลนครหาดใหญ่
ปัจจุบัน                   สมาชิกสภาเทศบาลเมืองคอหงส์

ประวัติโดยย่อ 
                            ประมาณปี 2538 -2539 เริ่มทำการเกษตรผสมผสาน เริ่มจากการปลูกพืชผักสวครัว  ประกอบกับการเป็นครูสอนวิชาการเกษตรให้กับโรงเรียนในเครือเทศบาลนครหาดใหญ่  และมีความรู้ความถนัดด้านการเกษตร  จึงหัดมาปลูกพืชผัก  สวนครัวเพื่อทำเป็นรายได้เสริม  แบบพออยู่พอกิน  และการเลี้ยงสัตว์แบบผสมผสาน  โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์  ปลอดจากสารเคมี  โดยใช้เนื้อที่บริเวณรอบบ้าน  เนื้อที่ประมาณ2 ไร่